Follow us on

ฝึกอาชีพ

23 ก.ย. 2563
โครงการกำลังใจฯจัดโครงการอบรมให้ความรู้ด้านกฎหมายฯ แก่ผู้ต้องขัง ครั้งที่ 3
     เมื่อวันที่ 16 - 18 กันยายน 2563 กองพัฒนานวัตกรรมการยุติธรรม สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม โครงการอบรมให้ความรู้และให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่ผู้ต้องขัง ครั้งที่ 3 มีรายละเอียดดังนี้
 
    เนื่องจากการให้ความรู้และให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่ผู้ต้องขัง โดยกองพัฒนานวัตกรรมการยุติธรรม สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ณ เรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี ครั้งที่ 3 เป็นกิจกรรมต่อเนื่องมาจากการให้ความรู้ฯ ในครั้งที่ 1 (เดือนกรกฎาคม 2563) และครั้งที่ 2 (เดือนสิงหาคม 2563) ซึ่งปรากฏว่าก่อน            การจัดกิจกรรมครั้งที่ 3 นี้ มีประกาศพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2563 ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 137 ตอนที่ 65 ก เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2563 ซึ่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจาก วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป ดังนั้น ผู้ต้องขังที่เข้ารับการอบรมในครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 บางส่วน จึงได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป และมีผู้ต้องขังรายใหม่เข้ามายังเรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี 

     ด้วยเหตุนี้ คณะวิทยากรจึงออกแบบการสอนให้ครอบคลุมเนื้อหาในครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 พร้อมด้วยการเพิ่มเติมเนื้อหาข้อมูลกฎหมายใหม่ๆ ที่ทันสมัยตามสถานการณ์ปัจจุบัน สำหรับการอบรมในครั้งที่ 3  คณะวิทยากรได้ประยุกต์วิธีการสอนกับข้อมูลกฎหมายต่าง ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ต้องขังเรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี ดังนี้
 
1.การสอนเชิงรุก (Active Learning) โดยให้ผู้ต้องขังมีส่วนร่วมในการระดมสมองแก้ไขปัญหา
     ขั้นตอนแรก การให้ความรู้ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมครั้งที่ 3 นี้ คณะวิทยากรพร้อมด้วยวิทยากรผู้ช่วยได้จัดการเรียนการสอนเชิงรุก (Active Learning) โดยการแบ่งกลุ่มผู้ต้องขังหญิงจำนวนประมาณ 40 คนออกเป็น 3 กลุ่มเรียน และให้แต่ละกลุ่มเรียนเข้ารับฟังความรู้ด้านกฎหมายอาญาจากคณะวิทยากรแยกจากกันเกี่ยวกับฐานความผิดทางอาญาต่าง ๆ ดังนี้
 
1.ความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
2.ความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
3.ความผิดฐานลักทรัพย์
4.ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
5.ความผิดฐานชิงทรัพย์
6.ความผิดฐานปล้นทรัพย์
7.ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
8.ความผิดฐานหมิ่นประมาท
9.ความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์
10.ความผิดฐานบุกรุก
11.ความผิดฐานเปิดเผยความลับ
12.ความผิดฐานพรากผู้เยาว์
13.ความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงาน
14.ความผิดฐานทอดทิ้งเด็ก
15.ความผิดเกี่ยวกับการกระทำโดยประมาท
 
     ขั้นตอนต่อมา หลังจากผู้ต้องขังหญิงได้รับการอบรมความรู้เรียบร้อยแล้วคณะวิทยากรใช้วิธีการประเมินความรู้ผู้ต้องขังหญิงที่เข้ารับการอบรมด้วยการใช้เกมทายปัญหาจากภาพ โดยวิทยากรผู้ช่วยจะแสดงภาพ และให้ผู้ต้องขังหญิงที่เป็นตัวแทนยกมือแข่งขันกันเพื่อให้ได้สิทธิตอบปัญหาก่อนหลัง ทั้งนี้ ตัวแทนดังกล่าวจะรับฟังการวิเคราะห์ปัญหาจากภาพโดยมีเพื่อนร่วมกลุ่มเรียนของตนช่วยกันระดมสมองแสดงความเห็นแล้วจึงตอบว่าภาพปัญหานั้น ๆ ตรงกับความผิดอาญาฐานใด 
 
     นอกจากนี้ คณะวิทยากรยังได้ใช้วิธีการเล่าเรื่องด้วยภาพอินโฟกราฟิก (Infographic) ในหัวข้อการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย การกระทำความผิดด้วยความจำเป็น และการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะมาใช้เป็นสื่อการสอนให้ความรู้แก่ผู้ต้องขังหญิงเพิ่มเติมด้วย
ผลการอบรม พบว่าผู้ต้องขังหญิงมีความสนใจมากและตอบปัญหาได้ถูกต้องทุกภาพ
 
2.การสอนเชิงให้คำปรึกษาคลายความกังวลทางคดี
     การสอนในกลุ่มนี้ เนื่องจากผู้เข้ารับฟังเป็นผู้ต้องขังชายจำนวนประมาณ 60 คน และเป็นผู้ต้องขังที่มิใช่นักโทษเด็ดขาด ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีอาญา เช่น ผู้ต้องหาที่ถูกฝากขังในระหว่างการสอบสวน หรือจำเลยที่ถูกฝากขังในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น วิธีการบรรยายให้ความรู้ทางกฎหมาย             
     คณะวิทยากรใช้วิธีแบบสัมมนาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น และหาข้อสรุปด้วยการให้คำปรึกษาทางคดีในระหว่างผู้ต้องขังชายที่ถามปัญหากับคณะวิทยากร ส่วนหัวข้อที่นำมาบรรยายในส่วนนี้นำข้อมูลมาจาก “คู่มือการให้ความรู้ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม”ที่ยกร่างเสร็จสิ้นแล้วใช้ประกอบการบรรยาย 
ลำดับหัวข้อบรรยายตามเนื้อหาในส่วนความรู้ด้านกระบวนการยุติธรรมมีดังนี้
หัวข้อที่ 1 “กระบวนการยุติธรรมก่อนขึ้นศาล” 
- การสืบสวน
- การค้นและการจับ
- การสอบสวน
- พยานบุคคล
- พยานวัตถุ
- พยานเอกสาร
- ผู้เชี่ยวชาญ
- ขั้นตอนขณะสอบสวน
- ขั้นตอนชั้นพนักงานอัยการ
 
หัวข้อที่ 2 “กระบวนการยุติธรรมชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น” 
- เมื่อจำเลยพบศาลในวันอธิบายฟ้อง
- การถามคำให้การจำเลยของศาล
- เมื่อจำเลยไม่มีทนายความ ศาลจะตั้งทนายความให้
- วันสืบพยาน (วันพิจารณาคดี)
- วิธีการถามและการตอบของพยานในคดีอาญา
- วันอ่านคำพิพากษา (วันตัดสินคดี)
 
หัวข้อที่ 3 “กระบวนการยุติธรรมหลังศาลชั้นต้นพิพากษา”
- เมื่อจำเลยประสงค์จะต่อสู้คดีต่อในศาลสูง
- การบังคับโทษภายหลังศาลชั้นต้นพิพากษา
 
     ผลการอบรม พบว่าผู้ต้องขังชายมีความสนใจและนำคดีของตนตั้งเป็นกระทู้จำนวนหลายราย 
 
3.การให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายราชทัณฑ์ กฎหมายอภัยโทษ และข้อควรระวังตัวเพื่อมิให้กระทำความผิดอาญา
     สำหรับการสอนในส่วนนี้ มีผู้เข้ารับฟังการอบรมทั้งผู้ต้องขังชายและผู้ต้องขังหญิงจำนวนประมาณ 80 คน คณะวิทยากรได้ให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายราชทัณฑ์ และกฎหมายอภัยโทษ ซึ่งประกอบด้วย

 
- สาระสำคัญที่ผู้ต้องขังควรทราบตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 เช่น หน้าที่และการงานของผู้ต้องขัง ประโยชน์ของผู้ต้องขัง  ฯลฯ
- สาระสำคัญที่ผู้ต้องขังควรทราบตามกฎกระทรวงกำหนดประโยชน์ของนักโทษเด็ดขาด และเงื่อนไขที่นักโทษเด็ดขาด ซึ่งได้รับการลดวันต้องโทษจำคุกหรือการพักการลงโทษและได้รับการปล่อยตัวต้องปฏิบัติ พ.ศ.2562 เช่น การแบ่งชั้นนักโทษเด็ดขาด การเลื่อนชั้นนักโทษเด็ดขาด ฯลฯ
- สาระสำคัญที่ผู้ต้องขังควรทราบตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2563 เกี่ยวกับเงื่อนไขในการลดโทษตามคุณสมบัติของนักโทษเด็ดขาดชั้นต่าง ๆ ฯลฯ 
- สาระสำคัญที่ผู้ต้องขังควรทราบเกี่ยวกับการเป็นผู้ใช้ ตัวการ ผู้สนับสนุน ในคดีอาญาเพื่อระมัดระวังมิให้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอาญา 

ผลการอบรม พบว่าผู้ต้องขังมีความสนใจ และถามปัญหาเกี่ยวกับเงื่อนไขต่าง ๆ ตามที่พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2563 กำหนดไว้จำนวนหลายราย 
 
หมายเหตุ ในระหว่างการให้ความรู้ดังกล่าวข้างต้น คณะวิทยากรอีกจำนวนหนึ่งทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ผู้ต้องขังเฉพาะรายที่มีความประสงค์ขอคำปรึกษาคดีของตนเป็นการส่วนตัวด้วย
 
**************************************************************
 

รูปภาพประกอบ

โครงการกำลังใจ
ในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา
เลขที่ 404 กระทรวงยุติธรรม ชั้น 8 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210
โทรศัพท์ : 0 2142 0852
Copyright © 2016 โครงการกำลังใจ.All right reserved