Follow us on

กิจกรรมกำลังใจ

18 ก.พ. 2568
ลงพื้นที่เรือนจำกลางขอนแก่น

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 พลอากาศเอก สมคิด สุขบาง กรมวังผู้ใหญ่ประจำพระองค์ 908 รองประธานคณะกรรมการกองทุนกำลังใจฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการกองทุนกำลังใจฯ ลงพื้นที่เรือนจำกลางขอนแก่น
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงพัฒนาเรือนจำให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว ซึ่งทำให้ปัจจุบันภาพลักษณ์ของเรือนจำได้เปลี่ยนแปลงไปในทางบวก ดังนั้น การเข้ามาช่วยเหลือและหยิบยื่นโอกาสให้ผู้ต้องขัง ถือว่าได้ร่วมกันทำบุญที่ยิ่งใหญ่ และจากผลของการดำเนินงานตามโครงการกำลังใจฯ พบว่ามีอัตราการกระทำผิดซ้ำไม่ถึงร้อยละ ๑๐ 
โครงการกำลังใจฯ ได้เข้ามาช่วยในหลายเรื่อง เช่น ทุนประกอบอาชีพซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก ป.ป.ส. 20,000 บาท/ทุน การพัฒนาอาชีพต่าง ๆ และได้เชิญธนาคารออมสินมาให้ความรู้เรื่องการเงิน  โดยธนาคารออมสินได้กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นมิติใหม่ที่ธนาคารออมสินเข้ามาในเรือนจำ ซึ่งธนาคารจะเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องการเงิน และการที่ผู้ต้องขังเข้ามาในเรือนจำมีสาเหตุประการหนึ่งมาจากภาวะทางเศรษฐกิจ โดยผู้ต้องขังไม่รู้จักการใช้เงิน หรือใช้เงินผิดวิธี หรือไม่รู้คุณค่าของเงิน จึงหาช่องทางการหาเงินในทางที่ผิด เช่น ขายยาเสพติด, ฉ้อโกง และได้มีโอกาสให้ความรู้กับผู้ต้องขัง จากนั้นเยี่ยมภายในแดนหญิง รับชมการแสดงของผู้ต้องขัง 2 ชุด คือ ร่ายรำไหว้ครูมวยไทย และการแสดงโปงลางขามแก่น และเชิญให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้กล่าวสิทธิประโยชน์กับผู้ต้องขัง อาทิเช่น  พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดขอนแก่น กล่าวถึงสิทธิประโยชน์ของผู้ต้องขัง โดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดขอนแก่น ดูแลทุกช่วงวัยตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิต เช่น เด็กแรกเกิดได้เงินเดือนละ 600 บาท, กรณีครอบครัวเดือดร้อนจะมีเงินสงเคราะห์ครอบครัว, มีเงินช่วยเหลือผู้พิการ, ผู้สูงอายุ ครอบครัวละ 3,000 บาท มีเงินช่วยเหลือผู้พิการเดือนละ 800 บาท รวมทั้งมีเงินกู้ยืม 30,000 - 120,000 บาท มีศูนย์ฝึกอาชีพและมีการฝึกอาชีพ Caregiver และสามารถขอความช่วยเหลือได้ที่ศาลากลาง หรือโทร. 1300 แรงงานจังหวัด กล่าวถึง ภารกิจของกระทรวงแรงงาน ซึ่งมีภารกิจหลักเพื่อส่งเสริมให้ทุกคนมีงานทำ โดยในรายละเอียดความช่วยเหลือ เช่น มีกองทุนผู้รับงานไปทำที่บ้าน มีการฝึกอบรม การพัฒนาฝีมือแรงงาน นอกจากนี้ ผู้ต้องขังสามารถสะสมเงินโดยสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ซึ่งสามารถส่งขั้นต่ำเดือนละ 70 บาท ซึ่งเมื่อครบกำหนด จะได้เงินก้อน (คล้าย ๆ เงินบำเหน็จ) และยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นอกจากการสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 แล้ว หากผู้ต้องขังต้องการจะมีเงินคล้าย ๆ บำนาญ ก็อาจไปสมัคร กอช. โดยส่งเงินขั้นต่ำ 1,000 บาท ซึ่งจะทำให้ผู้ต้องขัง มีเงินทั้งแบบบำเหน็จและบำนาญ และในส่วนผู้ประกอบการ มีหลายบริษัทที่ยินดีรับผู้ต้องขังเข้าทำงานจึงขอให้ ผู้ต้องขังทุกคนฝึกฝนความรู้ต่าง ๆ ระหว่างอยู่ในเรือนจำ, สำนักงานยุติธรรมจังหวัด กล่าวว่า สำนักงานยุติธรรมจังหวัดเป็นหน่วยงานที่เข้ามาสนับสนุนกระบวนการยุติธรรม โดยจะอำนวยความยุติธรรมให้กับผู้ด้อยโอกาสและประชาชน และในส่วนของผู้ต้องขังได้เข้ามาช่วยในด้านต่าง ๆ เช่น สิทธิพื้นฐานเมื่อกระทำผิด ได้แก่เงินประกันตัว, เงินในการจ้างทนาย, เงินเยียวยาประเภทต่าง ๆ ซึ่งสำนักงานยุติธรรมจังหวัดจะเข้ามาให้ความรู้และช่วยเหลือในเรือนจำเป็นประจำ ดังนั้นหากมีปัญหาใด ๆ ขอให้แจ้งมาได้, รองประธานหอการค้า กล่าวว่า ภาคเอกชนไม่สนใจประวัติภูมิหลัง เพราะต่อไปการทำงานจะดูจาก Economy of style (ความเป็นตัวตน) และหอการค้ามีโมเดลการทำแผนธุรกิจ และในปีนี้จะทำแผนธุรกิจร่วมกับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งการทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องยาก แต่ความยากอยู่ที่ไม่ทราบจะไปขายใคร และในการทำธุรกิจต้องรู้เกี่ยวกับนวัตกรรม และการสร้างสรรค์เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ และรองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ได้มีโอกาสมาเรือนจำหลายครั้ง จึงขอบอกทุกคนว่า ขอให้ฝึกฝนและเรียนรู้ทุกอย่าง เพราะสังคมภายนอกยินดีต้อนรับ และภาคเอกชนก็ไม่รังเกียจทุกคนโดยขอให้มีความพร้อมในการใช้ชีวิตภายนอก ต่อด้วยตัวแทนจากสถานประกอบการ ในช่วงบ่ายเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อตรวจเยี่ยมและรับฟังเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการฝึกวิชาชีพและการเข้าไปทำกิจกรรมให้แก่ผู้ต้องขังในเรือนจำให้ผู้ต้องขัง โดยเข้ามาตั้งแต่ปี 2559 และที่ผ่านมาได้เข้ามาให้ความรู้ เรื่องศิลปะการแสดง การวาดภาพ งานปั้น การดนตรีจนกระทั่งตั้งวงโยธวาทิต ซึ่งในแต่ละปีจะมีผู้ต้องขังสนใจเรียนประมาณ 250 คน และการสอนผู้ต้องขังจะสอนตั้งแต่พื้นฐาน จนถึงการฝึกฝนจนมีความชำนาญ รวมทั้งมีโอกาสเจอผู้พ้นโทษที่เป็นนักดนตรี และช่างปั้น ซึ่งสามารถเลี้ยงตนเองได้อย่างดี จากนั้นเดินทางไปเยี่ยมบ้านคนต้นแบบ ปัจจุบันประกอบอาชีพทำฟาร์มถั่วงอกตัวโน๊ต โดยได้แรงบันดาลใจมาจากรายการ กล้องสตอรี่ที่เรือนจำเปิดให้ดูเรื่องการเพาะถั่วงอกตอนอยู่ในเรือนจำ และเปิดร้านตัดผมชาย โดยเรียนฝึกอาชีพตัดผมมาจากตอนอยู่ในเรือนจำ ปัจจุบันมีรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้อย่างดี

รูปภาพประกอบ

โครงการกำลังใจ
ในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา
เลขที่ 404 กระทรวงยุติธรรม ชั้น 8 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210
โทรศัพท์ : 0 2142 0852
Copyright © 2016 โครงการกำลังใจ.All right reserved