Follow us on
3 มี.ค. 2563
2มี.ค.63 พระเจ้าลูกเธอฯ พระราชทานเครื่องมือแพทย์ฯ ณ นครราชสีมา
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2563 เวลา 14.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จแทนพระองค์ไปพระราชทานเครื่องมือแพทย์ตามโครงการราชทัณฑ์ ปันสุขทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ให้กับเรือนจำกลางคลองไผ่ เรือนจำกลางนครรราชสีมา เรือนจำกลางนครพนม และทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา และเสด็จเปิดโซนดูแลผู้ต้องขังในโรงพยาบาลปากช่องนานา จังหวัดนครราชสีมา ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเปิดโครงการแล้ว ทรงมอบให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ เสด็จแทนพระองค์ไปพระราชทานเครื่องมือแพทย์และดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตามแผนงานโครงการที่กำหนดไว้ในเรือนจำ จำนวน 9 แห่ง โดยมีกิจกรรมย่อยคือ จัดให้มี มุมสุขภาพราชทัณฑ์ปันสุข การอบรมอาสาสมัครสาธารณะสุขในเรือนจำ (อสรจ.) ที่ปัจจุบันมีผู้ต้องขังเป็น อสรจ.จำนวน 1,422 คน (คิดเป็นร้อยละ 135 จากแผนที่กำหนดไว้) มีโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเข้ามาเป็นโรงพยาบาลแม่ข่าย ๑๒ แห่ง มีการกรอกระบบเพื่อให้ผู้ต้องขังได้รับสิทธิในการรักษาพยาบาลจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพไปแล้ว 45,281 คน (คิดเป็นร้อยละ 97.46 จากที่กำหนดไว้) และนอกจากการพระราชทานเครื่องมือแพทย์ และกิจกรรมอื่นๆตามข้างต้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังได้พระราชทานรถเอกซเรย์เคลื่อนที่ จำนวน 12 คัน และกล้องถ่ายภาพจอประสาทตาจำนวน 12 เครื่องให้โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขในเขตต่างๆ เพื่อเสริมการให้บริการประชาชนรวมทั้งผู้ต้องขังอันเป็นการขยายบริการในด้านการแพทย์
อย่างทั่วถึงและเสมอภาคให้กับประชาชนคนไทยที่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานภาพใดๆ จากการเสด็จแทนพระองค์ในเรือนจำต่างๆที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนมกราคมถึงปัจจุบันพบว่ามีผู้ต้องขัง เจ็บป่วยด้วยโรคความดันโลหิต โรคไขมันในเลือด และเบาหวาน และยังมีโรคอื่นๆ ที่เกิดจากการรับโทษจำคุกเป็นเวลานาน เช่น โรคเครียด โรคซึมเศร้า จิตเวชและโรคเกี่ยวกับข้อ กระดูก ภาวะผู้ป่วยติดเตียง อีกจำนวนมาก ซึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ ได้รับสั่งให้มีการเพิ่มหลักสูตรการดูแลผู้ป่วยติดเตียง การทำกายภาพเบื้องต้น การทำกิจกรรมสันทนาการเพื่อลดความกังวลใจและลดความเครียดเพิ่มเติม เป็นต้น สำหรับการเสด็จแทนพระองค์ ณ เรือนจำกลางคลองไผ่ ในวันนี้ถือเป็นเรือนจำเป้าหมายแห่งที่ 14 ซึ่งยังคงดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตามที่กำหนดไว้ โดยได้พระราชทานรถเอกซเรย์เคลื่อนที่ จำนวน 4 คัน และกล้องถ่ายภาพจอประสาทตาจำนวน 4 เครื่อง ให้กับโรงพยาบาลปากช่องนานา จังหวัดนครราชสีมา โรงพยาบาลอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานีและโรงพยาบาลขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ในส่วนของสถานการณ์ของผู้ต้องขังเจ็บป่วยในเรือนจำต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่กำหนดเป็นเรือนจำตามเป้าหมายในระยะแรกมีรายละเอียดดังนี้ เรือนจำกลางคลองไผ่ มีผู้ต้องขัง 4,620 คน มีผู้ต้องขังป่วยด้วยโรคเรื้อรัง รวมจำนวน 97 คน เรือนจำกลางนครราชสีมามีผู้ต้องขังทั้งสิ้น 3,484 คน มีผู้ต้องขังป่วยด้วยโรคเรื้อรัง รวมจำนวน 267 คน เรือนจำกลางนครพนม มีผู้ต้องขังทั้งสิ้น 4,409 คน มีผู้ต้องขังป่วยด้วยโรคเรื้อรัง รวมจำนวน 276 คน และทัณฑสถานหญิงนครราชสีมา มีผู้ต้องขังทั้งสิ้น 2,593 คน มีผู้ต้องขังป่วยด้วยโรคเรื้อรัง รวมจำนวน 354 คน 
ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ทรงเปิดแพรคลุมป้าย “มุมสุขภาพ ราชทัณฑ์ ปันสุข” ในสถานพยาบาล และทอดพระเนตรภายใน “มุมสุขภาพ ราชทัณฑ์ ปันสุข” ทอดพระเนตรห้องตรวจตา ห้องทันตกรรม การสาธิตของ อสรจ.ชาย ในการช่วยเหลือผู้ป่วย จากนั้นเสด็จไปยังอาคารเรือนนอนผู้ต้องขังชายป่วย พระราชทานถุงพระราชทานให้กับผู้ต้องขังชายป่วย จำนวน 6 ราย ผู้ต้องขังชราและพิการ จำนวน 15 ราย จากนั้นเสด็จไปยังบริเวณจัดนิทรรศการ เรือนจำในเขต 4 และโรงพยาบาลในเขตบริหารเรือนจำเขตที่ 4 ทอดพระเนตรนิทรรศการโครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ นิทรรศการจิตอาสาเราทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ของ 4 เรือนจำ 4 โรงพยาบาล จากนั้นเสด็จไปยังพลับพลาพิธี ทอดพระเนตรการแสดงของผู้ต้องขัง 1 ชุด ได้แก่ หุ่นกระบอกบทบาทสมมุติของการเป็น อสรจ.
ภายหลังจากเสด็จในเรือนจำกลางคลองไผ่แล้ว สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ได้เสด็จไปยังโรงพยาบาลปากช่องนานา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแม่ข่ายของเรือนจำกลางคลองไผ่ และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเฝ้ารับเสด็จเพื่อเปิด โซน “ปันสุข” ซึ่งเป็นโซนที่โรงพยาบาลปากช่องนานา ได้จัดแบ่งไว้ดูแล ควบคุมผู้ต้องขังที่ไม่สามารถรักษาในเรือนจำได้และต้องส่งออกมารักษาที่โรงพยาบาล มีโซนที่ควบคุมและดูแลผู้ต้องขังอยู่ 2 แห่ง คือ ตึกอายุรกรรมจำนวน 3 เตียง ตึกศัลยกรรมจำนวน 3 เตียง สำหรับโซนที่ควบคุม ดูแลผู้ต้องขังป่วยในโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขนั้นเป็นกิจกรรมหนึ่งของโครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ 
ที่เป็นการริเริ่มของผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ได้หารือกับผู้บัญชาการเรือนจำแต่ละแห่งเพื่อช่วยเหลือผู้ต้องขังที่เจ็บป่วย ซึ่งปัจจุบันมีโรงพยาบาลที่จัดโซนสำหรับการดูแลผู้ต้องขังในโรงพยาบาลทั้งหมด 5 แห่ง ถือเป็นการให้บริการผู้ต้องขังที่เจ็บป่วยและเกินศักยภาพของสถานพยาบาลในเรือนจำที่จะดูแลรักษาในโรคต่างๆ เช่นการผ่าตัด การให้ยาในการรักษาโรคมะเร็ง เป็นต้น การดำเนินงานโครงการราชทัณฑ์ปันสุขฯ ในกิจกรรมต่างๆ เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงยุติธรรม ที่พยายามทำให้ผู้ต้องขังได้รับบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขเท่าเทียมกับประชาชนทั่วไปและไม่ได้ให้ความสำคัญไปกับกลุ่มผู้ต้องขังมากเกินไปแต่เป็นไปตามหลักมนุษยธรรมที่แม้ว่าผู้ต้องขังเป็นผู้ที่กระทำผิดกฎหมายของบ้านเมือง แต่ในเรื่องความเจ็บป่วยที่ผู้ต้องขังเผชิญอยู่ในระหว่างการคุมขังก็มีความจำเป็นที่ต้องได้รับบริการเท่ากันกับประชาชนภายนอก และโครงการได้พยายามเสริมศักยภาพในเรือนที่มีเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะด้านการพยาบาลอยู่น้อย โดยการสร้าง อสรจ. ที่เป็นผู้ช่วยที่ดี และให้ความรู้เพื่อเป็นเชิงการป้องกันการเจ็บป่วยหนัก แต่เมื่อหนักก็มีสถานที่ในโรงพยาบาลที่ถูกต้องตามระเบียบราชทัณฑ์ในการควบคุมดูแลผู้ต้องขัง โดยมีภาระน้อยที่สุดต่อเจ้าหน้าที่ ตัวผู้ต้องขัง และสังคมโดยองค์รวม และมีเครื่องมือแพทย์พระราชทานหลายชนิดเพื่อโรงพยาบาลได้ใช้ประโยชน์เพื่อประชาชนอีกด้วย

รูปภาพประกอบ

โครงการกำลังใจ
ในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา
เลขที่ 404 กระทรวงยุติธรรม ชั้น 8 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210
โทรศัพท์ : 0 2142 0852
Copyright © 2016 โครงการกำลังใจ.All right reserved