วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๔ เวลา ๐๗.๐๐ น. ณ ห้องประชุมกระทรวงยุติธรรม ๕-๐๑ นายพิทยา จินาวัฒน์ ที่ปรึกษากองพัฒนานวัตกรรมการยุติธรรม ในฐานะผู้ดำเนินรายการประชุม (Moderator) พร้อมด้วยผู้อภิปราย ๓ ท่าน ได้แก่ รศ.ดร.ศักดิ์ชัย เลิศพานิชพันธุ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) และ Mr.Kazushige Kobayashi นักวิชาการสาขาอาชญวิทยา ได้ร่วมประชุมแบบทางไกลไปยังการประชุมคู่ขนานในเวทีสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ ๑๔ ประจำปี ๒๕๖๔ ณ นครเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น และมีนางจิรภา สินธุนาวา ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม นางอาภรณ์ แก้วเวียงชัย ผู้อำนวยการกองพัฒนานวัตกรรมการยุติธรรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพัฒนานวัตกรรมการยุติธรรม สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม และเจ้าหน้าที่บริษัทเงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมการประชุมในหัวข้อ Integrating Multi-Sectoral Collaboration for Effective Social Reintegration. (การบูรณาการการทำงานร่วมกันหลายภาคส่วนเพื่อสร้างสังคมที่มีประสิทธิภาพ)
สาระสำคัญของการประชุมในวันนี้ นายพิทยา จินาวัฒน์ กล่าวว่า โครงการกำลังใจมีการดำเนินงานกว่า ๑๔ ปี มีการทำงานร่วมกันกับหลายองค์การทั้งภาครัฐและเอกชน และมีการเก็บข้อมูลทำรายงานวิจัยเพื่อศึกษาถึงปัจจัยที่จะส่งเสริมให้คนไม่กระทำผิดซ้ำ ซึ่งเชิญ รศ.ดร.ศักดิ์ชัย เลิศพานิชพันธุ์ ขึ้นกล่าวผลการดำเนินงานของโครงการกำลังใจที่ผ่านมาในมุมมองของนักวิชาการ นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) ในฐานะภาคเอกชนที่ร่วมสนับสนุนโครงการกำลังใจ ผ่านการจัดกิจกรรมให้ความรู้พื้นฐานทางการเงินเพื่อการประกอบอาชีพ แก่กลุ่มผู้ก้าวพลาด เพื่อเตรียมความพร้อมกลับสู่สังคม โดยเริ่มตั้งแต่ปี ๒๕๖๑ และดำเนินงานมาถึงปัจจุบัน ซึ่งทำให้ช่วยลดจำนวนผู้กระทำผิดซ้ำลงได้ และยังเป็นการเปิดโอกาสให้แก่ผู้พ้นโทษได้รับความรู้ทางด้านการเงิน และ Mr.Kazushige Kobayashi นักวิชาการสาขาอาชญวิทยา กล่าวในเรื่องความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์เพื่อเป็นมาตรการทางเลือกในการแก้ไขปัญหาคนล้นเรือนจำ
นอกจากนี้มีผู้เข้าร่วมการประชุมทางไกลได้ส่งข้อความเข้ามาร่วมอภิปรายว่า แม้ว่าประเทศไทยจะมีการดำเนินงานกลับคืนสู่สังคมแล้ว แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า สถานที่ทำงานหลายแห่งในประเทศไทยยังคงมีการคัดเลือกคนที่ไม่มีประวัติอาชญากรรมในการสมัครงาน โดยสิ่งที่ทำในตอนนี้เราอาจช่วยเหลืออดีตผู้ต้องขังให้มีงานทำในลักษณะแรงงาน แต่พวกเขายังไม่มีโอกาสที่จะเข้าร่วมทำงานในบริษัทใหญ่โต และหน่วยงานของรัฐ และเหล่านี้หากไม่ได้รับการแก้ไข ก็มีส่วนในการทำให้มีการกระทำผิดซ้ำ จึงขอฝากให้หน่วยงานได้พิจารณาการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ จากนั้น ผู้ร่วมอภิปรายทั้ง ๓ ท่าน ได้ร่วมกันอภิปรายต่อข้อคำถามดังกล่าว มีใจความโดยสรุปคือ คนในสังคมต้องช่วยเหลือกันและเพิ่มทัศนคติในการให้โอกาสผู้เคยกระทำผิด ปัจจุบันประเทศไทยมีการรับอดีตผู้ต้องขังเข้าทำงานเป็นพนักงานซึ่งเหล่านี้ต้องขอบคุณภาคธุรกิจและ NGOs และรัฐมีการลดภาษีให้แก่องค์กรที่รับผู้พ้นโทษเข้าทำงาน
********************