Follow us on

ฝึกอาชีพ

29 มิ.ย. 2560
ประชุมทำความเข้าใจการศึกษาแนวทางการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยและสงเคราะห์หลังปล่อย
ประชุมทำความเข้าใจการศึกษาแนวทางการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยและสงเคราะห์หลังปล่อย
 
     ภายหลังจากที่โครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ร่วมกับ นายหัสดิน กิจจญาณสกุล และนายสกลธ์ ศิลารักษ์  วิทยากร ดำเนินการอบรมวิชาชีพเย็บซ่อมรองเท้า หลักสูตรระยะสั้น 1 วัน ให้แก่ผู้ต้องขังที่มีความสนใจจะออกไปประกอบอาชีพเย็บซ่อมรองเท้าเมื่อพ้นโทษ ณ เรือนจำชั่วคราวเขาไม้แก้ว เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2560 นั้น  
     เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2560 เจ้าหน้าที่โครงการกำลังใจในพระดำริฯ ลงพื้นที่เรือนจำชั่วคราวเขาไม้แก้ว เพื่อสำรวจความต้องการของผู้ที่ผ่านการอบรมวิชาชีพเย็บซ่อมรองเท้า จากที่ได้รับการอบรมจำนวน 10 ราย พบว่า มีผู้ต้องขัง จำนวน 8 คน อยากเปิดกิจการรับซ่อมรองเท้าที่จังหวัดสกลนคร เพียง 1 ราย เนื่องจากผู้ต้องขังส่วนใหญ่จะกลับไปประกอบอาชีพเดิมที่เคยทำ เช่น เลี้ยงปลาสวยงาม กรีดยาง ค้าขาย แต่อยากเปิดร้านซ่อมรองเท้าบริเวณที่พักอาศัยเป็นอาชีพเสริม แต่ปัญหาที่ประสบคือเรื่องของเงินทุนและสถานที่ตั้งร้าน 
     จากนั้นเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่โครงการกำลังใจฯ เข้าร่วมประชุมเพื่อทำความเข้าใจการดำเนินงานการศึกษาแนวทางการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยและการสงเคราะห์ภายหลังการปล่อย ณ ศูนย์ราชการจังหวัดระยอง  โดยมี รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานการประชุม ปลัดจังหวัดระยอง  ตำรวจภูธรจังหวัดระยอง  สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง  ท้องถิ่นจังหวัดระยอง  สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดระยอง  สำนักงานแรงงานจังหวัดระยอง  สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดระยอง  สำนักงานจัดหางานจังหวัดระยอง  สำนักงานพัฒนาการจังหวัดระยอง  สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 17 ระยอง  สภาอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง  สภาหอการค้าจังหวัดระยองสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดระยอง  สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบฯ  เรือนจำกลางระยอง  ทัณฑสถานเปิดห้วยโป่ง  สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดระยอง  สำนักงานยุติธรรมจังหวัดระยอง  นายอำเภอ เป็นต้น
     การประชุมการศึกษาแนวทางการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยและการสงเคราะห์ภายหลังการปล่อยในครั้งนี้ นับเป็นการแนะนำโครงการและบรรยายเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลภาคสนามครั้งที่ 1 แก่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเป็นหนึ่งในงานวิจัยภายใต้โครงการกำลังใจในพระดำริฯ ซึ่งมีที่ปรึกษาได้แก่ พล.ต.ท. โกสินทร์  หินเธาว์  รศ.ดร.ปนัดดา ชำนาญสุข 
 
     รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง  กล่าวว่า กระบวนการเรื่องยาเสพติดต้องเริ่มตั้งแต่ก่อนเข้า ทำอย่างไรถึงจะไม่เข้าไป ถ้าพูดถึงเรื่องนี้คงอีกนาน เน้นเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในเรือนจำจะมีวิธีจัดการอย่างไรก็เป็นหน้าที่ของทางเรือนจำ ควรจะเพิ่มเติมอย่างไร ออกมาแล้วจะทำอย่างไรให้เลิก ให้มีงานทำ สู้หน้าในสังคมได้ ทำอย่างไรให้อยู่ในสังคมได้ นี่คือประเด็น หลายท่านยังคิดว่าเรือนจำยังขาดประเด็นตรงนี้อยู่ควรที่จะเสริมเรื่องของอะไรเข้าไป น่าจะมีวิธีจัดการอะไรอย่างไร เมื่อออกมาแล้วทางสภาอุตสาหกรรมของระยองมีโรงงานอุตสาหกรรมรับได้หรือไม่  จะมีสถานประกอบการไหนรับได้บ้าง เหมือนกับคนพิการที่สถานประกอบการจำเป็นต้องรับตามกฎหมาย
 
     นางรัตนา รอดศรี ตำแหน่งนักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ เรือนจำกลางระยอง กล่าวว่า ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยตรงกับผู้ต้องขังหญิง ยอดปัจจุบันของผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำตอนนี้ ประมาณ 700 คน มีเจ้าหน้าที่ในแดนหญิงที่ปฏิบัติหน้าที่ในแดนหญิง 8 คน การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยของผู้ต้องขังเรือนจำจะมีหลักสูตรต่างๆ ในการพัฒนา การฝึก และให้ได้เรียนทั้งหลักสูตรทางด้านการศึกษา ผู้ต้องขังทุกคนถ้าไม่จบ ป.6 จะต้องได้รับการเรียนการศึกษา โดยมี กศน.เข้าไปเปิดในเรือนจำ เริ่มตั้งแต่ ป.6 ม.3 ม.6 และปริญญาตรี (เรียนหลักสูตร ของ มสธ.) นอกจากการเรียน ยังจะมีการส่งเสริมอาชีพต่างๆ จะมีหลักสูตรเยอะแยะมากมายสำหรับผู้ต้องขังก่อนปล่อย เช่น ทำอาหาร เบเกอรี่ การเพ้นเล็บ ตัดเย็บเสื้อผ้า เสริมสวย เป็นอาชีพที่เมื่อพ้นโทษสามารถไปทำมาหากินได้ ในเรื่องของตัวชี้วัด กรมราชทัณฑ์กำหนดให้เรือนจำต่างๆ ทำในเรื่องของนโยบาย ทำเพื่อตอบสนองตัวชี้วัด การให้การสงเคราะห์ต่างๆ ก็ได้ทำเช่นเดียวกัน เสริมเข้าไปเพื่อให้สำเร็จตามตัวชี้วัด
 
     นายวิฑูรย์ ม่วงไหมทอง รักษาการผู้อำนวยการทัณฑสถานเปิดห้วยโป่ง เพิ่งย้ายมาจากปทุมธานีได้ 1 เดือน 21 วัน  มีอะไรที่ทางราชทัณฑ์ต้องแก้ไขเยอะมาก เป็นหน่วยงานปลายเหตุรองรับประชาชนที่มีปัญหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทำไมผู้ต้องขังจึงเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ปัจจุบันนี้ประมาณ สามแสนกว่าคน ใน 143 เรือนจำทั่วประเทศ ส่วนใหญ่ที่เข้ามาเป็นคดียาเสพติด 70-80 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นเป็นคดีทั่วไป เหตุใดจึงเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมมากขนาดนี้ในคดียาเสพติด ผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำ ประเด็นที่คุยกันคือเวลาปล่อยตัวไปจะทำอย่างไรไม่ให้กลับมากระทำผิดซ้ำอีกและมีอาชีพรองรับ ขอแนะนำให้ไปดูที่ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง เพราะมีการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยที่มีการดำเนินงานที่เข้มข้นมาก และเป็นหน่วยงานต้นแบบที่ท่านรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ท่านเรืองศักดิ์ สุวารีเป็นต้นคิด ว่าการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยของผู้ต้องขังมี 5 แนวทางหลัก ที่สามารถแก้ไขผู้ต้องขังให้เมื่อเวลาพ้นโทษจะมีอาชีพติดตัวไม่กระทำผิดซ้ำอีกคือ  กาย จิต ความคิด ความรู้ อาชีพ 
1. กาย จะคัดเลือกผู้ต้องขังที่ใกล้ปล่อยในระยะเวลาเหลือโทษจำต่อไปไม่เกิน 2 ปี มีการฝึกระเบียบวินัย ตอนนี้นโยบายของกรมมีการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย และโครงสร้างเบา ผสมกัน 17 แห่ง 18 ศูนย์ทั่วประเทศ มีกรอบระยะเวลาในการเตรียม 3 เดือน ร่างกายฝึกความเข้มแข็งของร่างกาย ฝึกระเบียบวินัยของผู้ต้องขัง ใช้ทหารจากภายนอกมาฝึก บางเรือนจำได้รับงบประมาณ แห่งละ 15 -17 ล้าน ตอนนี้ทัณฑสถานเปิดห้วยโป่งก็ได้มา 15 ล้าน มาทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ เรื่อง กาย จิต คิด รู้ อาชีพ ฝึกระเบียบวินัยแบบทหาร 7 สัปดาห์ ไม่มีวันหยุด เพื่อให้ผู้ต้องขังมีความอดทน เวลาปล่อยตัวไปแล้วเจอสภาพแวดล้อมภายนอกอาจจะทนไม่ได้ อาจจะหวนกลับมาสู่กระบวนการรูปแบบเดิมๆ คือเรื่องยาเสพติด
2. จิต สภาพจิตใจที่อ่อนแอตอนอยู่ภายนอก น่าจะมาจากปัญหาครอบครัวแตกแยก หย่าร้าง พ่อแม่การศึกษาน้อย แม่ทำร้ายลูก จนเด็กเสียชีวิต เมื่อผู้ต้องขังเข้าสู่ในเรือนจำก็ปรับสภาพจิตใจโดยนำธรรมะเข้าไป ใช้สถาบันพลังจิตตานุภาพ วัดธรรมมงคล อยู่สุขุมวิท 101 อบรมเป็นระยะเวลา 1 เดือนเต็ม โดยท่านปฏิคม วงษ์สุวรรณ อดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นำเข้ามา  อบรมธรรมเรือนจำเรือนธรรม
3. แนวคิด ต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดให้ได้ว่าเมื่อพ้นโทษต้องหางานทำให้ได้ ออกไปแล้วถึงไม่มีงานทำ ก็อย่ากระทำความผิดอีก โดยใช้ทหารเข้าไปปรับทัศนคติ โดยใช้หลักสูตรของทหาร ปลูกฝังเรื่องการรักชาติ รักสถาบัน มาปรับเรื่องพวกนี้ ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 อาทิตย์ ทำแบบนี้ทั่วประเทศเพื่อให้ผู้ต้องขังปรับเปลี่ยนแนวคิดให้ได้
4. ความรู้ ผู้ต้องขังส่วนมากเป็นคนที่มีการศึกษาต่ำมาก บางคนไม่ได้เรียน บางคนจบ ป.4 บางคนไม่จบ ม.ต้น ภายในเรือนจำ/ทัณฑสถานทั่วประเทศมีการจัดการเรียนการสอนจนถึง ป.ตรี เป็นหลักสูตรของ มสธ. และหลักสูตรที่ใส่ให้ไป ถ้ามีการจำแนกผู้ต้องขังถ้าใครยังเรียนไม่จบระดับไหน ก็จำแนกให้มาเรียน ทั้งนี้อยู่ที่กำหนดโทษของผู้ต้องขังแต่ละคนด้วย ถ้าโทษสูงถ้ารักเรียนก็จะให้เรียน โดยเฉพาะเรือนจำใช้หลักสูตรของ กศน. ให้เรียนจนจบ ม.ปลาย มีหลักสูตรการเรียนสายอาชีพด้วย ระยะสั้น ระยะยาว จบ ปวช. ปวส. และยังมีหลักสูตรเฉพาะ เช่น คอมพิวเตอร์ ป.ตรี ก็เป็นหลักสูตรของ มสธ. ส่วนใหญ่ชอบเรียน นิติศาสตร์ เพราะส่วนใหญ่เสียรู้และไม่รู้กฎหมายเลยต้องเข้ามาอยู่ในเรือนจำ การเรียนมีถึง ป.โท แต่ต้องย้ายไปเรียนที่จังหวัดมหาสารคาม เราเปิดกว้างแต่มีค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ต้องขังที่เรียน ป.ตรีกับ ป.โท ต้องจ่ายเอง
5. อาชีพ การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยเราเน้นเรื่องอาชีพ ที่ท่านบอกว่าในเรือนจำ/ทัณฑสถานส่วนใหญ่ที่จัดให้ ยอมรับว่าผู้ต้องขังที่ได้ฝึกในเรือนจำไม่สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ เพราะมีการฝึกวิชาชีพ เช่น พับถุงกระดาษ ทำถ้วยแก้ว ออกมาทำอาชีพไม่ได้ ตัดขี้ด้าย ออกไปก็ไปทำอาชีพไม่ได้ ตอนหลังเลยปรับว่าทำอย่างไรเราจะให้ผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำเตรียมพร้อมให้มีอาชีพตอนพ้นโทษ เช่น อาชีพการค้าขายอาหาร เป็นอาชีพที่เป็นตัวของตัวเอง เช่น หมูปิ้ง ข้าวเหนียว ต้องมีสูตร  หรือก๋วยเตี๋ยว ต้องเรียนรู้ว่าทำอย่างไร
ให้อร่อย มีเกิดแล้วสำหรับผู้ต้องขังที่พ้นโทษสามารถสร้างรายได้ให้ตัวเอง และเปิดสาขามาแล้ว สังคมยอมรับ ให้ไปถามข้อมูลที่ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง ส่วนผู้ต้องขังด้านอื่นๆ ที่ฝึกอาชีพไปแล้ว สถานประกอบการภายนอกไม่ค่อยรับ ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร ควรแก้ปัญหาด้านนี้ ทัณฑสถานเปิดห้วยโป่ง เป็นเรือนจำโครงสร้างเบา เน้นเรื่องการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยโดยเฉพาะ ตอนนี้มีเฉพาะผู้ต้องขังชาย 138 คน ไม่มีผู้หญิง ผู้หญิงจะเป็นผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ จะอยู่ในกระบวนการ ประมาณ 45 วันและทางคุมประพฤติจะรับไปแก้ไข  ต้องดูว่าเป้าหมายสำเร็จไม่ 100% อาจสำเร็จแค่ 5-10 คน ผู้ต้องขังบางคนอาจกระทำผิดเพียงอารมณ์ชั่ววูบ หรือกระทำผิดโดยกมลสันดาน เราต้องดูว่ามีโอกาสแก้ไขได้หรือไม่ ในการฝึกอาชีพเป็นอาชีพ ที่ตรงกับความต้องการของตลาด กรณีเรื่องที่ไม่ได้ไปทำงานในสถานประกอบการ ต้องเสนอไปโดยมีมาตรการในการจูงใจให้สถานประกอบการ เช่น นำไปลดภาษี และควรพิจารณาดูผู้ต้องขังที่เข้าครั้งแรก หรือไม่ได้ตั้งใจทำผิด อาจจะแก้ไขได้ 
เรือนจำกลางระยอง เพิ่งทำ MOU กับสวนสุภัทราแลนด์ โดยมีการส่งผู้ต้องขังไปทำงานที่สวนตอนเข้าและเย็นจะรับกลับมาที่เรือนจำ ซึ่งเป็นผู้ต้องขังของเรือนจำชั่วคราวเข้าไม้แก้ว เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยของผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษ โดยไปทำสวนทุเรียน (ผู้ต้องขังชาย) และได้ไปประสานกับร้านเสริมสวยให้สำหรับผู้ต้องขังหญิง โดยเรือนจำไปส่งที่ร้าน แต่เนื่องจากบ้านของผู้ต้องขังหญิงอยู่ไกลร้าน จึงต้องรอเรื่องที่พักก่อน ตอนนี้กำลังหาที่พักให้ถ้ามีทางร้านเสริมสวยจะติดต่อมา ล่าสุดก็มีต้องการครูโยคะ มีนักโทษที่สนใจไปทำ แต่ยังต้องอยู่อีกประมาณ 1 ปีกว่าถึงจะปล่อยตัว นอกจากนี้มีทุนประกบอาชีพ ให้ทุนการศึกษาบุตรผู้ต้องขัง มีการติดตามไปดูไปเยี่ยมที่โรงเรียน ให้ทุนต่อเนื่อง ตอนนี้ระดมหน่วยงานข้างนอกเพื่อเพิ่มทุนให้กับคนอื่นๆ ให้มากขึ้น เพราะกรมราชทัณฑ์ให้มา 2 ทุน ซึ่งน้อยไป
 
นายสุวิทย์ฯ รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจและเป็นโครงการที่แสนยาก เป็นเรื่องที่ไม่จบ เรื่องอาชีพ ทำไมสถานประกอบการไม่ยอมรับ ถ้าท่านเป็นผู้ประกอบการไม่รับแน่นอน พนักงานถ้าสืบทราบภายหลังว่ามีโทษทางคดีอาชญากรรมต้องให้ลาออกหรือให้หลุดจากการพิจารณาไป ในเรือนจำนักโทษรู้สึกหว้าเหว่ เหมือนตัวเองถูกลอยแพอยู่ในคุก ไม่มีใครเป็นเพื่อนเราแท้ๆ และอยู่นานๆ เจอแต่สิ่งแวดล้อมที่มีขาใหญ่ ทัศนคติตัวเองเปลี่ยนแน่ๆ ถ้ามีนักสังคมสงเคราะห์ หรือนักจิตวิทยา ไปหา
ไปเยี่ยม ให้ความช่วยเหลือ แนะนำว่าการใช้ชีวิตในนี้ควรทำอย่างไร มีโครงการอะไร จะมีส่วนช่วยในการปรับทัศนคติตัวเองได้ มีอะไรเสริมที่เป็นกำลังใจให้ผู้ต้องขัง เงินก็ต้องให้ วิชาก็ต้องให้ ทัศนคติตัวเองก็ต้องให้ เป็นเรื่องที่อยากเสนอ เห็นด้วยกับให้ญาติพี่น้องมาเยี่ยม มาให้กำลังใจบ่อยๆ เรื่องเสริมอาชีพ เช่น เสริมสวย หมอนวด เพ้นเล็บ รายได้ดี แต่ถ้าไปสมัครงานอื่นอาจทำไม่ได้ ควรประกอบอาชีพส่วนตัว เช่น ขายอาหาร เป็นไปได้หรือไม่ถ้าสถานประกอบการที่จะรับ ถ้าในโรงงานอุตสาหกรรมในมาบตาพุดไม่รับแน่นอน ถ้ามีประวัติ ซึ่งโรงงานอุตสาหกรรมมีการแข่งขันต้องการพนักงานที่ทำงานได้ แต่เรามองในด้านแรงงานขาดแคลน แต่ผู้หญิงจะสู้หรือไม่สู้ เช่น งานสวน ก่อสร้าง งานรายวัน แต่ในโรงงานไม่รับแน่นอน 
 
ปลัดความมั่นคง
นายอำเภอแกลง เน้นนักโทษหญิงที่ติดยาเสพติด ส่วนใหญ่ทำโดยโทสะ โมหะ ยาเสพติดจะเป็นจากกมลสันดาน เป็นการส่งเสริมปัจจัย 4 ต้องฝากประการหนึ่งคือให้สอนทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาชีพ วุฒิ แต่ไม่มีการปลูกจิตสำนึกให้รู้ผิดรู้ชอบ และสอนให้มีคุณธรรม ศีลธรรมในจิตใจ ถ้าขาด 2 ประการนี้ปล่อยกี่ครั้งกี่หนก็วนเวียนอยู่ตรงนี้ บางคนที่ถูกจับเพราะไร้อาชีพจริงๆ เช่น ยายขายยาเพื่อเอาเงินไปซื้อนมให้หลานก็มี
 
นายชิดนนท์  แสงจันทร์ นักวิชาการศึกษา สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดระยอง
เคยมีประสบการณ์ดูแลผู้ต้องขังหญิงที่คลอดบุตรในเรือนจำ และหาทางช่วย มีประเด็นศึกษา โดยใช้ 5 S set for female ก็คือ ข้อมูลจริง สภาพจริง ชีวิตจริง ภูมิหลังจริง ทิศทางที่ก้าวเดินไปในชีวิตจริง มีความชอบความเหมาะสมของเจ้าตัวว่าชอบอาชีพที่ฝึกหรือไม่ หรือบังคับให้ฝึก และมีกระบวนการเติมเต็มว่าถ้าขาดต้องมีทุน ใครจะให้ ครอบครัวชุมชนที่จะรับเค้ามีจริงมั๊ย การปรับทัศนคติหรือความคิดมันยาก ต้องคิดใหม่ไม่เอากรอบเดิม ถ้าเอากรอบเดิม สุดท้ายธุรกิจไหนจะยอมรับ สังคมที่ไหนจะรับ คนทั่วไปถ้าเอามาจ้างที่บ้านก็ไม่มีใครรับ ต้องมีมุมคิดใหม่ เสนอในเรื่องของบริษัทหรือกิจการเฉพาะ อาชีพก็อาชีพเฉพาะ เช่นเสริมสวย จะอยู่ได้ หรือ Photoshop งานทำป้าย ทำโฆษณา ยังไม่มีอาชีพเหล่านี้ให้กลุ่มคนเหล่านี้ออกไปทำ ต้องปรับวิธีคิดใหม่ ถ้าวันนี้จะเห็นความสำคัญของผู้ต้องขังต้องเอาอาชีพที่อยู่ในสังคมได้จริง ไม่ใช่เอาอาชีพชั้นสอง อาชีพรองให้เขา ถ้าความคิดนี้ยังอยู่เขาก็ยังวนเวียนกลับมาที่เดิมเพราะเคยได้เงินง่ายอยู่สบาย ในกรณีที่ทำความผิดโดยไม่ตั้งใจ ก็มีภาระทางครอบครัว สังคม ญาติพี่น้องที่ต้องดูแล สิ่งเหล่านี้คือคำตอบที่จะทำอย่างไรให้เค้าอยู่ได้ ต้องสร้างบริบทใหม่
 
สำนักงานจัดหางาน
ในกลุ่มที่พูดถึงเกี่ยวกับผู้ต้องขังเกี่ยวกับยาเสพติด ที่สำนักงานจัดหางานประสบอยู่ จะมีการออกไปแนะนำแนะแนวในสถานกักขังเกี่ยวกับอาชีพเสริมและอาชีพอิสระและการเตรียมความพร้อมในการทำงาน สิ่งที่กลับมาเมื่อได้รับการปล่อยตัว ที่ผ่านมาจะมีบางท่านอยากทำงาน แต่พอเวลาประสานกับสถานประกอบการเรื่องการทำงาน จะได้รับการปฏิเสธก่อนเลย โดยเฉพาะคดียาเสพติด เค้าจะไม่รับเลย เพราะกลัวว่าจะกลับไปทำอีก หรือเอาไปแพร่ระบาดให้คนอื่น บางแห่งใช้ความสัมพันธ์เข้าไปขอร้อง ขอให้ช่วยว่าเค้าดีแล้วเพื่อจะได้ให้รับ ถึงขั้นขอให้ทางจัดหางานรับรอง หรือทำเป็นหนังสือรับรองพฤติกรรมว่าจะไม่ทำแล้ว ซึ่งทางสำนักงานไม่สามารถทำได้ ของปีที่ไดรับการอภัยโทษปี 59 ส่งข้อมูลมา 328 คน มี 4 คน ที่ประสงค์หางานทำ จัดหางานก็ติดต่อกลับ เริ่มต้นมีการทำหนังสือส่งข้อมูล ส่งจดหมายไป ก็เงียบไม่มีการติดต่อกลับ ก็ได้ติดต่อตามสถานที่ตามที่อยู่ที่ให้ไว้ บางท่านพอเราไปเจอเค้าก็บอกว่าอยากได้งานที่ไม่หนัก สบาย ได้เงินเดือนสูง แต่พอแนะนำให้ทำอาชีพเสริม หรือมีตำแหน่งงานไปเสนอให้ดู แต่เป็นงานใช้แรงงาน งานหนักหน่อย ก็ถูกปฏิเสธ ไม่เอา กลายเป็นว่าถ้ามีการติดตามหรือติดต่อไปอีกเค้าจะหลบไมพร้อมที่จะเจอกับเรา ในภาครัฐถ้าจะเข้าไปเค้าจะไม่ยุ่งด้วย ในสภาพของผู้ต้องขังที่พ้นโทษหรือคุณสมบัติอะไรต่างๆ ที่เป็นอยู่ในความรู้สึกที่เคยได้รับมา กับการที่เคยทำด้านยาเสพติดงานไม่หนัก มีความเสี่ยงแต่เค้ายินดีกับ
ความเสี่ยงตรงนั้น พอเข้าสู่ระบบงานจะเป็นการยากที่จะนำเค้าเข้ามา มีบางท่านที่เราขอร้องกับสถานประกอบการแล้วนำเข้าไป แต่เข้าไปแล้วทำงานได้ไม่นาน ด้วยอาจเป็นที่ว่ามีปมอยู่ อยู่ได้ไม่นานก็ออก ตอนนี้ที่กำลังคิดส่งเสริม เป็นลักษณะประกอบอาชีพเสริม ประกอบอาชีพอิสระ หรือเป็นกลุ่มรับงาน แบบนี้ส่วนใหญ่ คือพยายามฝึกให้มีอาชีพ มีงานอะไรบ้างที่สามารถทำได้อยู่กับบ้านหรืออยู่กับที่ โดยที่มีการจับกลุ่มกันเพื่อประกอบอาชีพส่วนนั้น แต่พอทำนานๆ จะมีความรู้สึกว่ารายได้น้อย ที่ประสบปัญหาคือทางด้านนี้ มีสถานประกอบการไหนมั๊ยที่รับ ถ้าเป็นคดีเล็กๆ น้อยยังพอคุยได้ แต่ถ้าเป็นคดียาเสพติดส่วนใหญ่จะถูกปฏิเสธ ในกรณีแบบนี้ถ้าสร้างกลุ่ม หรือทำงานหาเลี้ยงชีพด้วยตัวเองที่จะไม่กลับไปสู่ยาเสพติดอีกน่าจะดีมากกว่าที่จะผลักเข้าสู่สังคมของการทำงาน เพราะพอเจอสังคมใหญ่ๆ เค้าจะถอยตัวออกมาเอง
 
รองผู้ว่า
ท่านสุภาพบุรุษเคยระแวงมั๊ยเวลาตัดผมเวลาโกนหนวด จะกลัวมีดโกนบาด ถ้าท่านเจอคนสักยันต์เยอะจะกล้าตัดมั๊ย เข้าร้านประจำน่าจะปลอดภัยจากคมมีด ในแต่ละวันเราสัมผัสคนไม่ทราบเลยว่าใครติดยาเสพติด
 
สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
สุวิมลฯ นักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ
เห็นด้วยกับตำรวจที่จะทำสถานประกอบการ เพราะว่าทาง พม.ทำกับกลุ่มผู้ด้อยโอกาส คิดว่าจะประสบความสำเร็จสัก 10 เปอร์เซ็นต์ ในเรื่องของคนพิการ ก่อนที่กฎหมายจะออกไม่ได้บังคับให้สถานประกอบการจ้างคนพิการ กว่าจะปรับทัศนคติในเรื่องของสถานประกอบการให้รับคนพิการ เราทำในเรื่องของโครงการเตรียมความพร้อมของคนพิการก่อนเข้าสู่ระบบงานจริง โดยที่เราจะเป็นคนสนับสนุนทั้งค่าเบี้ยเลี้ยง
ที่คนพิการจะไปฝึกงาน แต่เราจะไปคุยกับสถานประกอบการว่าประสงค์รับคนพิการประเภทไหนก่อน มีทั้งหมด 7 ประเภทที่พอจะรับได้ เราก็ส่งไปฝึกงาน ตอนนั้นโครงการให้เงินมา 5 คน ก่อน พอทำไประยะเวลา 1 ปี พอเสร็จสิ้นโครงการ มีเพียง 2 แห่ง ที่รับรอง อีก 3 คน ด้วยลักษณะความพิการที่ไม่เคยอยู่กับสังคมปกติ เค้าก็ไม่ไหวอยากทำอาชีพอิสระ น่าจะขยายผลตรงนี้นำมาใช้ในเรื่องนี้ได้
 
รศ.ดร.ปนัดดาฯ ให้ พม.เตรียมข้อมูล บทเรียนของการทำงานของ ก.พม.ประเด็นของการประสานงานกับสถานประกอบการเพื่อให้รับคนพิการและทาง พม. พูดถึงการจำแนกคนพิการเพื่อสร้างความเข้าใจให้สถานประกอบการ การ support เค้า และขอให้เรือนจำช่วยในแง่ของผู้ต้องขังก่อนปล่อยว่า ถ้าให้เรือนจำรับรอง คนไหนน่าจะรับรองได้และที่จะทำให้สถานประกอบการน่าจะไว้ใจได้ที่สุด
 
พล.ต.ท. โกสินทร์ ที่ผู้ต้องขังเสนอว่ามีเฉพาะพวกเค้าทำ ใครจะเป็นคนร่วมหุ้นดี ให้เอกชนล้วนๆ หรือให้รัฐไปร่วมทุนด้วย ทำเองในส่วนของรัฐต่างหาก จะต้องออกเป็นตัวแบบ ผู้ต้องขังจะได้หมดภาระในเรื่องที่จะต้องไปรับรอง มันเป็นงานยาก ให้เค้าอยู่ทำกันเองเลย ไม่มีใครต้องรังเกียจ ได้ผลผลิตก็เอาไป  ทั้งรัฐกับเอกชนควรจะร่วมมือกันยังไง
 
รองประธานสภาอุตสาหกรรม
น่าจะร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน เพราะถ้าทำเองคงไม่สะดวก กฎข้อบังคับอะไรต่างๆ ในเรื่องของการลงทุน การใช้จ่าย ถ้ามีเอกชนเป็นผู้บริหารในกิจการบางอย่าง โดยเฉพาะสุภาพสตรี พวกอาชีพเสริม เช่นในเรื่องของความงาม เรื่องเสริมสวย เรื่องนวด มีเอกชนจำนวนมากที่จะหาหมอนวด หาไม่ได้ น่าจะเป็นเอกชน หรือภาครัฐเป็นคนดำเนินการ
 
จัดหางาน
ถ้ามีสถานประกอบการที่จะรับผู้ต้องขังอย่างเดียวเลย ถ้าทำได้มองว่าเป็นการดี คงจะแก้ปัญหาได้อีกหลายเรื่อง เรามองผู้ต้องขังบางคนพร้อมที่จะปรับตัว ต้องการทำงานประกอบอาชีพเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ต้องการกลับไปสู่ระบบเดิม ถ้าภาคเอกชนโดยตรงเข้ามาทำ ใครจะกล้าลงทุนมากกว่านั้น แต่ถ้าเป็นการลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐกับเอกชน เรามีกำหนดแนวทางในการทำงาน ว่าส่วนหนึ่งทำงานด้วย มีการปลูกจิตสำนึกด้วยเพื่อให้กล่อมเกลาจิตใจมากขึ้น เคยทราบมาว่าเมื่อก่อน โรงงานทำเสื้อชั้นในรับผู้ต้องขังเข้ามาทำ และทำออกสู่ตลาด  หรือร้านอาหารเป็นกลุ่มให้บริการ มีร้านอาหารแถวชลบุรีรับผู้ต้องขังที่พ้นโทษมาช่วยทำงานในร้าน เลี้ยงดู ดูแล มีมาตรการของเค้าว่าต้องทำตัวอย่างไรถึงจะอยู่ได้ แต่ถ้าเป็นร้านอาหาร สำหรับคนที่เข้าไปกินจะมีความรู้สึกไม่มีความสุข ก็เลยมองว่าเป็นการสร้างสถานประกอบการ โรงงานผลิตน่าจะเป็นแนวโน้มที่ดี
 
 
รองประธานสภาอุตสาหกรรมฯ
เมื่อก่อนมีเพื่อนทำงานในเรือนจำ เป็นม่านรูด ผลิตม่าน มีงานหลายๆ ประเภทต้องใช้แรงงานจากผู้ต้องขังในเรือนจำ หรือให้ส่งไปทำงานตอนเช้ากลับมาตอนเย็น
 
ผอ.ทัณฑสถานเปิดห้วยโป่ง
สถานประกอบการค่อนข้างยากที่จะรับผู้พ้นโทษ ถึงแม้มีมาตรการในการลดภาษี ก็คงยากที่จะรับผู้พ้นโทษเข้าทำงาน เพราะคนไทยที่พ้นโทษ สังคมส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ แต่มองว่าสถานประกอบการบางแห่งยอมรับคนต่างด้าวเข้าทำงาน เพราะคนต่างด้าวมีค่าตอบแทนในการจ่ายถูกกว่าคนไทย คนต่างด้าวขยัน มีความอดทน เพราะมาจากต่างบ้านต่างเมือง ถ้าไม่ขยัน ไม่อดทนจะอดตาย จะทำยังไงให้คนพ้นโทษมีอาชีพติดตัวออกไปสู่สังคมภายนอก ไม่กลับไปกระทำผิดซ้ำอีก ขอเสนอว่าเราควรให้รัฐเข้ามาลงทุน โดยจัดตั้งสถานประกอบการของเราเอง เช่น การค้าขาย ให้รัฐสนับสนุนแข่งกับเซเว่นสร้างแบรนด์ของเราเอง แบรนด์ผลิตผลคนดีคนพ้นโทษ สินค้าที่อยู่ในร้านให้มีราคาถูกกว่าเซเว่น เกิดการแข่งขัน รัฐจะ Support ได้หรือไม่ ให้มีทุกจังหวัดเลย ถ้าทำได้ก็ดี ถ้าสถานประกอบการยอมรับผู้พ้นโทษแล้วรับเข้าทำงานได้ก็ดี ตอนนื้มีแล้ว รปภ.ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รับผู้พ้นโทษออกไปทำงาน ในเรือนจำพยายามแก้ไขออก พรบ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ทำยังไงให้คนพ้นโทษมีอาชีพติดตัว อีกอย่างเห็นควรทำอาชีพอิสระ เช่น หมอนวด โดยเฉพาะผู้หญิง แขกชอบไปนวด ทางเรือนจำทั่วประเทศก็มีการอบรมหมอนวด จากวิทยากรภายนอก อยู่ที่ว่าออกไปจะประกอบอาชีพหมอนวดหรือไม่ ตรงนี้ต่างหาก เพราะทางกรมราชทัณฑ์พยายามฝึกวิชาชีพหลากหลายให้ผู้ต้องขังที่จะพ้นโทษออกไป แต่อยู่ที่ว่าผู้ต้องขังจะนำอาชีพที่ฝึกไปใช้ประกอบอาชีพหรือไม่เท่านั้นเอง ตรงนี้สำคัญอยู่ที่ตัวผู้พ้นโทษ
 
ประเด็นต้องการรับรอง ใครต้องการับคนเหล่านี้ประกอบอาชีพ ตอนนี้มี พรบ.เรื่อการจ้างยาม หมอนวดอาจจะไม่เหมาะกับผู้หญิงทุกคนที่เป็นผู้ต้องขังควรจะเป็นภาครัฐทำแต่จ้างเอกชนเป็นผู้บริหาร เพราะเอกชนจะเข้าใจวิธีบริหารจัดการ ควรตั้งเป็นโมเดลจำลอง ควรหาอะไรที่ตรงกับที่เค้าชอบ รัฐลงทุน จ้างเอกชนบริหาร มีความหลากหลาย อาจจะสุ่มถามหรือทดลองทำแบบสอบถามว่าอาชีพไหนเป็นอาชีพตรงกับความเป็นจริงในชีวิต ออกไปทำได้จริง
 
พล.ต.ท.โกสินทร์
กลุ่มที่จะเป็นหน่วยงานที่จะเป็นที่ปรึกษาให้ พอผู้ต้องขังพ้นโทษกลับไปสู่ชุมชน จะมีคณะทำงานของชุมชน เช่น กำนัน หรือผู้ใหญ่บ้าน ไปคุยกับผู้ต้องขังที่พ้นโทษแล้ว และนำมาเข้าที่ประชุม ไม่ต้องไปหลายหน่วยงาน เพราะผู้พ้นโทษอาจไม่อยากพบหลายคน มีคณะกรรมการระดับตำบล  มีคณะกรรมการใหญ่ระดับอำเภอ ซึ่งนายอำเภอจะรู้ดีเลยว่าถ้าระดับตำบลจะให้ใครเป็นซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นกำนัน ในระดับล่างไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นผู้ใหญ่บ้าน อยากได้คนที่สนใจเรื่องการป้องกันยาเสพติดมาเป็นประธาน และประสานงานกับคนในหมู่บ้านได้เอง ต้องการอะไร ขาดเหลืออะไร ก็นำเข้าที่ประชุม เกิดปัญหาอะไร คณะกรรมการก็ช่วยได้ทำให้มีที่พึ่ง ไม่ต้องไปหาคนส่งยา ขายยาอีก หรือกลุ้มใจไม่รู้ไปไหนก็ไปเสพอีก มันก็จะช่วยได้ รูปแบบคณะทำงาน ชุดนี้พอมีได้หรือไม่ สำหรับระยอง พอเห็นด้วยหรือไม่ แต่ขออย่างเดียวระดับหมู่บ้านระดับตำบลไม่ต้องเป็นผู้ใหญ่บ้านหรือกำนันก็ได้ แต่ในระดับอำเภอขอเป็นนายอำเภอนั่งหัวโต๊ะ เพราะประสานกับนายอำเภอได้ดีกว่า
 
รองประธานสภาอุตสาหกรรม 
- แนะนำให้เป็นผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้าน เห็นว่าคนที่เหมาะสมที่สุดควรเป็นเจ้าอาวาส
รองผู้ว่าฯ
- แนะนำให้ศึกษาโมเดลยุติธรรมชุมชน ในจังหวัดระยอง มีทุกตำบล มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกันเอง 
 

รูปภาพประกอบ

โครงการกำลังใจ
ในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา
เลขที่ 404 กระทรวงยุติธรรม ชั้น 8 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210
โทรศัพท์ : 0 2142 0852
Copyright © 2016 โครงการกำลังใจ.All right reserved