กำลังใจ ณ เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง ศึกษาดูงานดอยตุง
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2561 ผู้ต้องขังในโครงการกำลังใจในพระดำริฯ เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง จำนวน 36 ราย และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เข้าศึกษาดูงานโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยเริ่มที่การแบ่งกลุ่มเป็น 4 กลุ่ม เพื่อหมุนเวียนเข้าชม 4 ฐาน ได้แก่ โรงทอผ้า โรงกระดาษสา โรงเซรามิก โรงกาแฟ ในบริเวณศูนย์ผลิตและจำหน่ายงานมือ (52 ไร่) ซึ่งทำให้ได้รับทราบว่า การดำเนินงานด้านผลิตภัณฑ์ของโครงการพัฒนาดอยตุง มีหัวใจสำคัญ 2 ประการคือ 1)เน้นการจ้างงานในพื้นที่ ส่งเสริมภูมิปัญญาชาวบ้านทำงานร่วมกับดีไซเนอร์ มีการใช้เครื่องจักรเท่าที่จำเป็น แต่ในบางหน้าที่ เลือกที่จะใช้คนเป็นผู้ผลิต ใช้ทรัพยากรในท้องถิ่น 2)กลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ดอยตุง ประกอบด้วยตลาด 2 ส่วน คือ 1.ห้างสรรพสินค้า/ร้านค้า เริ่มจากการทำสินค้าตัวอย่างเข้าไปนำเสนอ เมื่อลูกค้ามีออเดอร์ จะทำผลิตภัณฑ์ส่งลูกค้าตามความต้องการทั้งเรื่องวัสดุ ดีไซน์ จำนวน 2.จัดจำหน่ายในร้านของดอยตุงไลฟ์สไตล์
จากนั้น เดินทางสู่หอแห่งแรงบันดาลใจ ซึ่งนำเรื่องราวต่างๆ ของราชสกุลมหิดล อันประกอบไปด้วย สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 รวบรวมแนวพระราชดำริและพระราชจริยวัตร หลักการทรงงานที่เรียบง่ายของทั้ง 5 พระองค์ในราชสกุลมหิดล เพื่อให้ได้เรียนรู้จากพระราชประวัติและแรงบันดาลใจของสมาชิกในราชสกุล มหิดล ซึ่งล้วนแต่ส่งผลถึงคนทั้งแผ่นดิน วัตถุประสงค์ของการเข้าชม เพื่อให้ผู้ต้องขังได้ขบคิดว่า ในฐานะที่เป็นคนเพียงคนหนึ่ง อาจดูเป็นแค่สิ่งเล็กๆ แต่เราจะสามารถทำอะไร ให้มีคุณประโยชน์ไม่เพียงต่อตนเอง แต่ยังแผ่ไพศาลไปยังสังคม และประเทศชาติได้ด้วย ดังคำส่งท้ายการชมหอแห่งแรงบันดาลใจว่า “สิ่งยิ่งใหญ่เริ่มจากจุดเล็กๆ ระลอกน้ำกระเพื่อมจากน้ำเพียง 1 หยด ระลอกน้ำที่แผ่ขยายกว้างไม่มีที่สิ้นสุดนั้น เริ่มจากจุดเล็กๆ คือ ตัวเราเอง
การจัดแสดงภายในหอแห่งแรงบันดาลในนี้ แบ่งออกเป็น 7 ห้อง ห้องที่ 1 “ราชสกุลมหิดล” ห้องที่ 2 “เรื่องราวของราชสกุลผ่านพระราชประวัติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี” ห้องที่ 3 “การกลับคืนสู่มาตุภูมิของราชสกุลมหิดล” ห้องที่ 4 “ความทุกข์ยากของประชาชน” ห้องที่ 5 “แบบแผนการแก้ปัญหาความทุกข์ยากของประชาชนอย่างยั่งยืน” ห้องที่ 6 “แบบแผนการแก้ปัญหาความทุกข์ยากของประชาชนบนดอยตุง” ห้องที่ 7 “ห้องแห่งแรงบันดาลใจ”
จากนั้นในช่วงบ่าย คณะผู้เข้าศึกษาดูงานได้ลิ้มรสกาแฟดอยตุง และเข้ารับฟังการบรรยาย ทางเลือกในการใช้ชีวิตหลังพ้นโทษจากเรือนจำ โดยสมิทธิ หาเรือนพืชน์ ผู้จัดการโครงการอาวุโส มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ณ ห้องประชุมออดิทอเรียม ต่อมาได้เข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านประสบการณ์คนดอยตุง ประกอบด้วย ฐาน 1ผู้อาวุโส ๓ ท่านในโครงการพัฒนาดอยตุง ซึ่งอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ดอยตุงและเคยประกอบอาชีพทำไร่เลื่อนลอย ปลูกฝิ่น ค้าอาวุธ เมื่อสมเด็จย่าทรงเข้ามาพัฒนาดอยตุง ทุกคนได้หันเหมาประกอบอาชีพภายใต้การดำเนินงานของดอยตุง ฐาน 2 ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น/ชุมชน ได้แก่ ผู้ที่เป็นชนเผ่าลาหุ ปัจจุบันเป็นข้าราชการ เป็นต้น 3 คนรุ่นใหม่ในโครงการพัฒนาดอยตุง ได้แก่ เยาวชนบนดอยตุงที่เคยหลงผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ชนเผ่าที่ปัจจุบันทำงานให้กับดอยตุง เป็นต้น โดยมีการเล่าถึงชีวิตในอดีต ประสบการณ์ที่ผ่านมา ข้อคิดที่อยากจะฝากให้แก่ผู้ต้องขังในโครงการ เช่น การกลับสู่สังคมเดิม เพื่อนกลุ่มเดิมที่เคยพากระทำผิด จะเป็นอุปสรรคของการเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ และตอบคำถามเกี่ยวกับความกังวลใจของผู้ต้องขังในการกลับคืนสู่สังคม ปิดท้ายด้วยการเดินชมสวนแม่ฟ้าหลวงและถ่ายภาพร่วมกัน ซึ่งการศึกษาดูงานในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภายใต้โครงการสร้างต้นแบบการจัดการอาหารปลอดภัยทั้งในระดับพื้นที่และบุคคลและขยายการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีการผลิตพืชผักปลอดภัยจากสารเคมีแบบครบวงจรแก่ผู้ต้องขังเรือนจำชั่วคราวบนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
********************************************************